แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - airrii

หน้า: [1]
1
ในชีวิตมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราสามารถเลือกดัวยตัวเองได้ แต่ก็มีอีกหลายอย่างเช่นกันที่เลือกไม่ได้ เช่นเดียวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับตัวเราอยู่เสมอซึ่งเป็นสิ่งที่เลือกไม่ให้เกิดขึ้นไม่ได้ แต่อาจสามารถเลี่ยงได้ การเกิดอุบัติเหตุของคนไทย มีด้วยกัน 2 ประเภทหลัก คือ อุบัติเหตุและบาดเจ็บเนื่องจากการทำงาน และ อุบัติเหตุบนท้องถนน ซื้อประกันชีวิต



อุบัติเหตุและบาดเจ็บเนื่องจากการทำงาน
สถิติการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน ในปี 2556 – 2560 จากสำนักงานกองทุน ทดแทน สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ระบุ 3 ปัจจัยหลักการบาดเจ็บของคนไทยได้แก่

- บาดเจ็บจากการโดนบาดหรือทิ่มแทง 23.42%
- บาดเจ็บจากการโดนวัตถุหล่นทับ 16.31%
- บาดเจ็บจากการโดนกระแทกหรือชน 13.94%

โดยตัวเลขจำนวนลูกจ้างหรือพนักงาน ที่ประสบอุบัติเหตุและบาดเจ็บเนื่องจากการทำงานมีตัวเลขลดลง ซึ่งปี 2556 มีลูกจ้างประสบอุบัติเหตุและบาดเจ็บถึง 111,894 ราย ต่อมา ในปี 2560 ลดลงเป็น 86,278 ราย เรียกได้ว่ามีตัวเลขลดลงอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ตัวเลขที่ลดลงอาจเป็นสัญญาณที่ค่อนข้างดี แต่ชี้ให้เห็นว่าอุบัติเหตุและการบาดเจ็บเกิดขึ้นได้เสมอในทุกที่ ทุกเวลา

นอกจากนั้น คนส่วนมากอาจคิดว่าอุบัติเหตุจะไม่มีทางเกิดขึ้น ถ้าหากเราอยู่ในพื้นที่ที่คุ้นชิน หรือคิดว่าปลอดภัย เช่น บ้าน ซึ่งเราทุกคนให้ความสำคัญกับบ้านว่าเป็นที่ที่อุ่นใจ สบายใจ ปลอดภัย ไร้กังวล แต่ในความจริงแล้วไม่มีที่ไหนปลอดภัยและสามารถวางใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แม้เราอยู่บ้านแต่ก็มีโอกาสจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็น มีดบาด หกล้ม น้ำร้อนลวก เดินสะดุด เป็นต้น

กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยข้อมูลว่าสาเหตุอันดับที่ 2 ของการเสียชีวิตรองจากอุบัติเหตุบนท้องถนน คือ อุบัติเหตุจากการพลัดตกหกล้ม จากข้อมูลผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุพลัดตกหกล้มทั่วโลกมีประมาณ 424,000 คน ต่อปี และ ปีละ 2,000 กว่าคนในประเทศไทยและยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความเสี่ยงของการพลัดตกหกล้มเพิ่มขึ้นสูงตามอายุ ยิ่งอายุมากร่างกายนั้นแข็งแรงน้อยลงจึงทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายขึ้นนั้นเอง



อุบัติเหตุและการบาดเจ็บที่เรานำมาพูดในข้างต้นเป็นเพียงข้อมูลที่เล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งอาจจะเกิดได้จากหลากหลายกรณีที่เราไม่คาดคิด ถึงแม้เราจะระวังมากแค่ไหนเปอร์เซ็นต์ที่อาจจะเกิดขึ้นก็ยังคงมีอยู่ดี นอกเหนือจากอุบัติเหตุและการบาดเจ็บที่เล็กน้อยที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ประเทศไทยมีอุบัติเหตุที่เราทุกคนรับรู้และพยายามระมัดระวังไม่ให้เกิดขึ้นในทุกช่วงวัย เรามาพูดถึงอุบัติเหตุที่มีผลกระทบรุนแรงต่อชีวิตและทรัพย์สินอย่างมาก (ประกันชีวิต ลดหย่อนภาษี) ก็คือ

อุบัติเหตุบนท้องถนน ถือเป็นปรากฏการณ์ที่ยังมีผลกระทบรุนแรงต่อชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมหาศาล และเป็นปัญหาสำคัญระดับโลก จากการรายงานขององค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) ในปี ค.ศ. 2018 พบว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนทั่วทุกภูมิภาคของโลกเพิ่มขึ้นเป็น 1.35 ล้านคนต่อปี หรือมีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยปีละ 22,491 คน การบาดเจ็บและสูญเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนของประเทศไทยมีแนวโน้มดีขึ้นเล็กน้อยในภาพรวม มีสถิติผู้เสียชีวิตลดลงจากประมาณการครั้งที่ผ่านมาขององค์กรอนามัยโลก 2,000 คน แต่ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุสูงที่สุดอันดับหนึ่งในเอเชียและในภูมิภาคอาเซียน

ข้อมูลรายงานคดีอุบัติเหตุจราจรทางบกที่ได้รับแจ้งในปี พ.ศ. 2562 (ตั้งแต่วันที่ 1 - 31 ธันวาคม 2562) ถูกบันทึกในระบบสารสนเทศสถานีตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (CRIMES) พบว่า มีจำนวนอุบัติเหตุบนท้องถนน 74,958 ครั้ง

สถิติจำนวนผู้เสียชีวิจากอุบัติเหตุจราจรทางบกที่ได้รับแจ้ง ประจำปี พ.ศ. 2562 พบว่า มีผู้เสียชีวิต 8,673 ราย ผู้เสียชีวิตเพศชาย จำนวน 6,493 คน (ร้อยละ 74.9) ผู้เสียชีวิตเพศหญิง จำนวน 2,180 คน (ร้อยละ 25.1) เสียชีวิตที่จุดเกิดเหตุ จำนวน 4,295 คน (ร้อยละ 49.5) และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล จำนวน 4,378 คน (ร้อยละ 50.5) ผู้บาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุบนท้องถนนของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2562 มีจำนวน 5,323 คน

จำนวนคนเดินและยานพาหนะ ที่เกิดอุบัติเหตุจราจรทางบกที่ได้รับแจ้งและ ถูกบันทึกไว้ในระบบ CRIMES มีจำนวน 194,410 คน (กรณีเกิดกับคนเดินเท้านับเป็นจำนวนคน) พบว่า ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ รถจักรยานยนต์ รถยนต์นั่งและรถบรรทุกขนาดเล็ก (ปิคอัพ) ตามลำดับ สำหรับยานพาหนะอื่น ๆ เป็นข้อมูลที่ไม่ได้ระบุประเภทของยานพาหนะไว้

อ้างอิงข้อมูลจาก

- “เปิดมุมมองสะท้อนความจริงของผู้เปราะบางบนถนน (VRUs)” Vulnerable Road Users : VRU ไพบูลย์ สุริยะวงศ์ไพศาล บรรณาธิการ , กรกฎาคม 2562

- รายงาน การวิเคราะห์สถานการณ์อุบัติเหตุทางถนน ของกระทรวงคมนาคม พ.ศ. 2562

- สำนักงานกองทุนทดแทน สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน



ตรวจสุขภาพเบื้องต้นผ่านการสแกนใบหน้า ด้วยเทคโนโลยี AI
คลิก
https://www.youtube.com/watch?v=dtknfEen710


2
อ่างล้างหน้าเด็กเป็นสุขภัณฑ์ที่ต้องใช้งานทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการล้างมือ ล้างหน้า หรือแปรงฟัน ดังนั้นก่อนเลือกซื้อทุกครั้ง จึงจำเป็นต้องคำนึงถึงการใช้งาน รูปแบบของอ่างล้างหน้าแบบแขวนผนังหรือตำแหน่งที่ติดตั้ง สไตล์การตกแต่ง และขนาดของห้องน้ำ เพื่อให้ได้อ่างล้างหน้าที่เข้ากับบ้าน และการใช้งานในชีวิตประจำวันของเราได้มากที่สุด



เทคนิคในการเลือกซื้ออ่างล้างหน้าเด็ก
1. ประเภทอ่างล้างหน้า
ควรเลือกประเภทให้เข้ากับประเภทห้องน้ำที่จะติดตั้ง เช่น ชุดเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าเหมาะสำหรับห้องน้ำขนาดใหญ่ที่แบ่งโซนเปียก-แห้ง อ่างล้างหน้าแขวนผนัง หรืออ่างล้างหน้าพร้อมขาตั้งลอยเหมาะสำหรับห้องน้ำที่มีพื้นที่จำกัดอย่างห้องน้ำในคอนโดมิเนียม

2. ความสูงของอ่างล้างหน้า
ควรเลือกใช้งานอ่างที่มีความสูงเหมาะสมประมาณ 75 ซม. เหมาะสำหรับความสูงของบุคคลทั่วไป และยังเหมาะสำหรับผู้ที่ใช้วีลแชร์ด้วย เพราะหากติดตั้งสูงประมาณ 80 ซม. หรือมากกว่านั้นจะสูงเกินการกว่าระดับการใช้งานของผู้ใช้วีลแชร์ อ่างล้างหน้าแบบฝั่งเคาน์เตอร์

3. วัสดุที่ใช้ผลิต
ควรเลือกวัสดุที่มีความทนทานอย่างเซรามิก ซึ่งใช้งานได้อย่างยาวนาน ป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ทำให้เสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม



วิธีการทำความสะอาดและดูแลรักษาอ่างล้างหน้าเด็ก
1. ทำความสะอาดเป็นประจำ
ควรทำความสะอาดอ่างล้างหน้าอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อป้องกันคราบสกปรกเกาะติด จนกำจัดออกได้ยาก โดยใช้น้ำยาทำความสะอาดผสมกับน้ำอุ่นเพื่อกำจัดสิ่งสกปรก และเชื้อโรคให้หมดจด

2. หลีกเลี่ยงน้ำยาที่มีฤทธิ์เป็นกรด
หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาที่มีฤทธิ์เป็นกรด เพราะน้ำยาที่มีฤทธิ์เป็นกรดอาจกัดกร่อนพื้นผิว ทำให้อ่างล้างหน้าและก๊อกน้ำเป็นรอยได้

3. หลีกเลี่ยงการใช้ฝอยขัด
นอกจากน้ำยาที่มีฤทธิ์เป็นกรดแล้วควรหลีกเลี่ยงการใช้ฝอยขัด และวัสดุเนื้อแข็ง เพราะจะทำให้พื้นผิวอ่างล้างหน้าและก๊อกอ่างล้างหน้าเป็นรอยได้เช่นกัน

4. กำจัดคราบด้วยเบกกิ้งโซดา
สำหรับผู้ที่มองหาวิธีทำความสะอาดที่เป็นมิตรกับพื้นผิวเซรามิก ควรเลือกใช้เบกกิ้งโซดาสำหรับทำความสะอาดคราบฝังแน่น โดยผสมเบกกิ้งโซดากับน้ำให้มีลักษณะเหนียวข้น แล้วนำไปป้ายที่คราบฝังแน่นทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที จากนั้นใช้ฟองน้ำขัดเบาๆ แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดก็เป็นที่เรียบร้อย

5. เลือกใช้อ่างล้างหน้าที่มีคุณสมบัติพิเศษ
อ่างล้างหน้ายุคใหม่นั้นถูกพัฒนาให้มีเทคโนโลยีพิเศษที่ช่วยให้พื้นผิวเรียบลื่น ทำให้คราบสกปรกเกาะติดได้ยาก การใช้อ่างล้างหน้าที่มีประสิทธิภาพป้องกันคราบสกปรกจึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม เพราะช่วยลดจำนวนครั้งในการทำความสะอาด และลดโอกาสสัมผัสกับสารเคมีอีกด้วย


3
อาการบ้านหมุน หรือการเวียนศีรษะ เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย และเป็นอาการที่หลายคนก็เคยประสบกับตัวเอง ทำให้หลายคนมองว่าอาการบ้านหมุนนั้นเป็นอาการทั่วๆ ไป ไม่มีอะไรร้ายแรง แต่ความจริงแล้วอาการบ้านหมุนเป็นสัญญาณที่สามารถบ่งบอกถึงโรคร้ายต่างๆ ได้

เวียนศีรษะ กับ เวียนศีรษะบ้านหมุน ต่างกันอย่างไร?
อาการเวียนศีรษะ กับ เวียนศีรษะบ้านหมุน ต่างกันตรงที่ อาการเวียนศีรษะ เป็นคำที่บ่งบอกถึงอาการที่ค่อนข้างกว้าง โดยมีลักษณะอาการตั้งแต่มึนศีรษะ งุนงง โคลงเคลง หวิวๆ รวมถึงมีอาการยืนหรือเดินทรงตัวไม่ดี โดยอาการนี้มักมีสาเหตุมาจากสภาวะต่างๆ ที่ไม่เฉพาะเจาะจงไป ประกันสุขภาพ



ส่วนอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน หมายถึงแค่เฉพาะอาการเวียนศีรษะแบบรู้สึกหมุนหรือโคลงเคลงเท่านั้น ซึ่งอาการนี้มีสาเหตุมาจากความผิดปกติของอวัยวะเกี่ยวกับการทรงตัวในหูชั้นใน ซึ่งเป็นส่วนที่ทำหน้าที่คอยรับการทรงตัวสมดุลของร่างกาย

โดยเมื่อเกิดความผิดปกติขึ้นจะทำให้มีอาการเวียนศีรษะแบบรู้สึกหมุนๆ รู้สึกว่ารอบตัวหมุน หรือตัวเองหมุนทั้งๆ ที่อยู่กับที่หรือไม่มีการเคลื่อนไหว และสำหรับรายที่มีอาการรุนแรงจะมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน หูอื้อ มีเสียงในหู ซึ่งอาการนี้มีความน่ากลัวอีกอย่างตรงที่ เมื่อเวียนศีรษะบ้านหมุนจะเสียการทรงตัว ทำให้เสี่ยงต่อการล้มหรืออุบัติเหตุต่างๆ ได้นั่นเอง

โรคที่เป็นสาเหตุทำให้เวียนหัว
อาการเวียนหัวสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เพราะเป็นอาการที่ค่อนข้างกว้าง และสามารถเกี่ยวโยงไปได้หลายโรค ซึ่งหนึ่งในนั้น ได้แก่
1. โรคหินปูนในหูชั้นใน หรือ BPPV
ซึ่งหมายถึงโรคตะกอนหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน เป็นโรคที่พบบ่อยที่สุดในผู้ที่มีอาการเวียนหัวจากโรคทางหู เนื่องจากตะกอนหินปูนในหูชั้นใน เป็นส่วนหนึ่งของอวัยวะสำหรับการทรงตัวของร่างกาย ซึ่งการเกิดตะกอนหินปูนในหูชั้นในเคลื่อนเกิดจากการเปลี่ยนตำแหน่งของตะกอนหินปูนในหูชั้นในที่ผิดไปจากตำแหน่งเดิม

2. โรคเวียนศีรษะจากไมเกรน
สำหรับผู้ที่มีอาการป่วยไมเกรน นอกจากอาการปวดหัวแล้วมักมีอาการเวียนศีรษะร่วมด้วย โดยจากสถิติอาการเวียนศีรษะนั้นพบร่วมกับอาการปวดศีรษะไมเกรนได้ถึง 1 ใน 3 โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่เป็นไมเกรนแบบมีอาการเตือน (Migraine with aura) ที่จะพบอาการเวียนศีรษะมากกว่ากลุ่มคนที่เป็นไมเกรนแบบไม่มีอาการเตือนถึง 2 เท่า

3. โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน
เป็นที่ความผิดปกติของหูชั้นใน ที่ภาวะน้ำในหูชั้นในคั่งหรือมีความดันเพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้อาการผิดปกติดังกล่าวอาจพบได้ในโรคของหูชั้นนอกหรือชั้นกลาง รวมทั้งโรคทางสมองและระบบเส้นประสาทก็ได้ ซึ่งผู้ป่วยในโรคนี้ควรไปตรวจเพื่อหาสาเหตุการเกิดเพื่อการรักษาที่ถูกต้อง ซื้อประกันให้พ่อแม่



4. โรคที่เกี่ยวกับระบบไหลเวียนโลหิต
บางครั้งการเวียนศีรษะก็มาจากระบบหมุนเวียนโลหิตที่ผิดปกติ อาจเกิดจากความดันโลหิตต่ำ หรือความดันโลหิตสูง รวมถึงโรคของหัวใจที่ล้วนส่งผลให้เกิดอาการเวียนหัว หน้ามืด หรือควบคุมการทรงตัวได้ยากเนื่องจากหัวใจไม่สามารถส่งเลือดไปเลี้ยงสมองได้เพียงพอนั่นเอง

5. โรคที่เกิดจากความเครียด
หรือโรคทางจิตเวช ผู้ที่เวียนศีรษะด้วยสาเหตุนี้ จะเกิดอาการเวียนหัวอย่างมากเมื่ออยู่ในที่แออัด ที่แคบ หรือแม้กระทั่งในที่โล่ง ที่สูง ซึ่งอาการจะหายไปเมื่อไม่อยู่ในสถานการณ์ดังกล่าว

เมื่อเกิดอาการเวียนหัว บ้านหมุนควรทำอย่างไร?
    * อันดับแรกเมื่อเกิดอาการบ้านหมุน ควรหยุดนั่งพัก หรือควรนอนพักสักครู่จนกว่าอาการจะดีขึ้น
    * ลำดับถัดมาให้หลีกเลี่ยงปัจจัยที่อาจไปกระตุ้นให้เกิดอาการแย่ลง เช่น การเปลี่ยนท่าเร็วๆ หรือการก้มหรือเงยคอนานๆ
    * พยายามนอนบนพื้นราบ และอยู่นิ่งๆ ไว้สักครู่ เพราะหากเดินอาจทำให้ทรงตัวไม่ได้ และเกิดการล้มได้
    * การรักษาในระยะยาว เช่น การออกกำลังกายบริหารอวัยวะด้วยท่าหรือเฉพาะจุด สำหรับคนที่ป่วยหรือมีอาการป่วยด้วยโรคนี้
จะเห็นได้ว่าเพียงแค่โรคเล็กๆ น้อยๆ ก็นำไปสู่โรคหรืออาการที่น่ากลัวและเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ ดังนั้นเราจึงไม่ควรใช้ชีวิตอยู่กับความประมาท ควรรู้จักวางแผนชีวิตและสุขภาพในระยะยาว อย่างเช่นการซื้อประกันสุขภาพโรคร้ายแรง

สำหรับคนที่ป่วยด้วยอาการเล็กๆ น้อยๆ แต่ซ้ำๆ บ่อยๆ ก็ไม่ควรมองข้าม ควรเข้าไปพบแพทย์เพื่อตรวจอย่างละเอียด ไม่ควรชะล่าใจก่อนที่โรคเล็กน้อยเหล่านั้น จะกลายเป็นโรคที่ร้ายแรงเกินกว่าจะรักษาให้หายขาด


เมนู แกงเลียง เคียงรัก จากเชฟอ๊อฟ เชฟกระทะเหล็ก ประเทศไทย
คลิก



4
พูดคุยเรื่องทั่วไป / ภาวะโลหิตจาง อันตรายกว่าที่คิด
« เมื่อ: วันที่ 13 พฤศจิกายน 2024, 16:02:14 น. »
สุขภาพร่างกายของคนเราถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ดังคำกล่าวที่ว่า "การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ" ในปัจจุบันหลายคนหักโหมทำงาน ใช้ร่างกายหนัก ละเลยการดูแลสุขภาพ จึงนำพามาซึ่งอาการเจ็บป่วยต่างๆ เช่น เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย หน้ามืด เวียนศีรษะ หรือใจสั่น แน่นอนว่าร่างกายอาจจะกำลังส่งสัญญาณบอกถึงความผิดปกติ หากคุณมีอาการเหล่านี้ อาจจะเป็นไปได้ว่าคุณกำลังเผชิญกับภาวะโลหิตจางซื้อประกันสุขภาพ



ภาวะโลหิตจางเกิดจากอะไร? (มีกี่สาเหตุ ทำให้เกิดโรคอะไรบ้าง)
การที่ผู้ป่วยมีภาวะโลหิตจาง แล้วตรวจสอบอาการเบื้องต้นว่ามีอาการเข้าข่าย ด้วยสาเหตุบางประการบางครั้งอาการนำเหล่านี้อาจนำไปสู่โรคร้ายแรง ดังนั้นการเจอภาวะโลหิตจางทุกครั้ง จำเป็นต้องหาสาเหตุเพื่อที่จะได้วางแผนการรักษาที่เหมาะสม โดยสาเหตุของภาวะโลหิตจางแบ่งตามกลไกการเกิดได้เป็น 3 สาเหตุใหญ่ๆ ได้แก่

1. การสร้างเม็ดเลือดแดงลดลง  ซึ่งเป็นได้จากหลายสาเหตุ 
ขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง ซึ่งที่สำคัญ ได้แก่ ธาตุเหล็ก, วิตามินบี 12, กรดโฟลิก

โรคเรื้อรังหรือโรคเรื้อรังบางชนิด เช่น โรคมะเร็ง โรคข้ออักเสบ รูมาตอยด์ โรคไตวายเรื้อรัง, โรค HIV โรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน โรคของไขกระดูก เช่น ไขกระดูกฝ่อ มะเร็งในไขกระดูก การติดเชื้อในไขกระดูก โรคไตวายเรื้อรัง ทำให้ขาดปัจจัยในการกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง การตั้งครรภ์ ควรเฝ้าระวังภาวะโลหิตจาง ที่มักจะเกิดช่วงอายุครรภ์ 6 เดือนแรก เนื่องจากการขาดสารอาหารประเภทธาตุเหล็กและกรดโฟลิก รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในเลือด

2. การทำลายเม็ดเลือดแดงมากกว่าปกติในร่างกาย
เป็นผลมาจากการติดเชื้อหรือโรคในกลุ่มที่ทำให้เม็ดเลือดแดงแตกง่ายกว่าปกติ ผู้ป่วยมักมีอาการตัวและตาเหลือง(ดีซ่าน) สาเหตุที่พบบ่อยในประเทศไทย เช่น

โรคธาลัสซีเมีย  เป็นโรคที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ที่พบบ่อย อาการของโรคมีหลากหลาย ที่สามารรถพบได้ เช่น บางรายอาจมีอาการเพียงเล็กน้อย หรือมีโลหิตจางรวดเร็วเมื่อเวลามีไข้  บางรายอาจมีภาวะโลหิตจางร่วมกับเหลือง ตับม้ามโต เป็นตั้งแต่อายุน้อยๆ การติดเชื้อบางชนิด  เช่น มาลาเรีย, คลอสติเดียม, มัยโคพลาสมา เป็นต้น

โรคเม็ดเลือดแดงแตกง่ายจากการขาดเอนไซม์ G-6PD  เป็นโรคที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ เป็นโรคที่พบมากในเพศชาย หากมีการติดเชื้อหรือได้รับยาบางชนิด จะเกิดการกระตุ้นให้เม็ดเลือดแดงแตกง่ายขึ้นจนเกิดอาการโลหิตจางรวดเร็ว ดีซ่าน ปัสสาวะสีน้ำปลา โรคเม็ดเลือดแดงแตกง่ายจากภูมิคุ้มกันของตนเองทำลายเม็ดเลือดแดง  เป็นโรคที่พบมากในเพศหญิงวัยเจริญพันธุ์  อาจพบร่วมกับโรคของระบบภูมิคุ้มกันอื่นๆ



3. การเสียเลือด
ไม่ว่าจะเป็นการเสียเลือดแบบฉับพลัน เช่น อุบัติเหตุ การผ่าตัด การตกเลือด การคลอดบุตร หรืออาจเสียเลือดเรื้อรัง เช่น เสียเลือดจากการมีประจำเดือน โรคริดสีดวงทวาร เสียเลือดในทางเดินอาหารในผู้ชายและผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ซึ่งผู้เรื้อรังมักจะขาดธาตุเหล็กด้วย

เช็กด่วน คุณเสี่ยงเป็นภาวะ โลหิตจางหรือไม่?
เราสามารถสังเกตอาการด้วยการตรวจสอบเบื้องต้นได้ หากมีอาการเบื่ออาหาร เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ตัวซีดเหลืองอย่างเห็นได้ชัด หงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน หายใจลำบากขณะออกแรง มึนงง วิงเวียนศีรษะ เจ็บหน้าอก ใจสั่น รวมถึงมีอาการเรื้อรัง อาจพบอาการมุมปากเปื่อย เล็บมีลักษณะอ่อนแอและแบนหรือเล็บเงยขึ้นมีแอ่งตรงกลางคล้ายช้อน หากมีอาการเหล่านี้ควรพบแพทย์เพื่อที่จะได้รับการวินิจฉัยจากอาการดังกล่าวว่ามีภาวะของโลหิตจางหรือไม่ และสาเหตุเกิดมาจากอะไร แต่ถ้าหากมีอาการรุนแรงถึงขั้นอาจทำให้หัวใจล้มเหลว ควรอยู่ใกล้ชิดแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาต่อไป

ควรปรับพฤติกรรมอย่างไร เพื่อไม่ให้เป็นเป็นภาวะโลหิตจาง
ด้วยปัจจัยหลายอย่างทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง ซึ่งมีทั้งที่ควบคุมได้และไม่ได้ ในเบื้องต้น การป้องกันภาวะโลหิตจางจากสาเหตุที่พบได้ทั่วไปสามารถทำได้ตามนี้
เลือกรับประทานอาหารที่อุดมด้วยธาตุเหล็ก วิตามิน และสารอาหาร เช่น เนื้อสัตว์ ตับหมู นม ไข่ เลือดหมู ธัญพืช โดยเฉพาะผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ ทารกและวัยรุ่น
รับประทานวิตามินเสริมโดยขอคำปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ สำหรับผู้ที่ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอจากการรับประทานอาหาร ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน

ผู้สูงอายุหรือผู้รับประทานอาหารมังสวิรัติ ควรพบแแพทย์เป็นระยะ เพื่อตรวจสอบภาวะโลหิตจาง เนื่องจากอาจจะขาดสารอาหารกลุ่มโปรตีนและวิตามิน

ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์อาจป้องกันการเกิดภาวะโลหิตจางด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และอุดมไปด้วยโฟลิก และธาตุเหล็ก เช่น ปลา เนื้อแดงไร้ไขมัน ไข่ ถั่ว และผักใบเขียว รวมถึงการรับประทานวิตามินเตรียมตั้งครรภ์ โฟลิก และธาตุเหล็ก เพื่อช่วยรักษาระดับเซลล์เม็ดเลือดแดงให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนการใช้วิตามิน หรืออาหารเสริมใดๆ เสมอผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นภาวะโลหิตจางควรปรึกษาแพทย์ เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการส่งผ่านภาวะโลหิตจางทางพันธุกรรม ซื้อประกันให้พ่อแม่



บอกได้เลยว่าภาวะโลหิตจางเป็นสิ่งที่อันตรายกว่าที่คิด จะดีกว่าไหมถ้าเรามีการวางแผนดูแลรักษาสุขภาพร่างกาย เพื่อให้ได้รับผลกระทบที่ตามมาน้อยที่สุด โรคร้ายแรง ไม่ใช่เรื่องไกลตัว เมื่อเป็นแล้ว จำเป็นต้องมีแผนสำรองในการใช้ชีวิต ประกันคุ้มครองโรคร้ายแรง จากไทยประกันชีวิต เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีที่จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายระหว่างการรักษา ไม่ให้กระทบกับการเงินและไม่ลำบากคนในครอบครัว ดังนั้นการรับมือล่วงหน้าเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง ที่สำคัญยังสามารถซื้อประกันโรคร้ายแรงออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง อุ่นใจได้ว่าจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการอย่างอบอุ่น

ทั้งนี้ควรไปตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อเช็กความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดแดง รวมถึงการดูแลเอาใจใส่ตนเองพร้อมปรับพฤติกรรมเพื่อไม่ให้เกิดการเสี่ยงที่จะเป็นภาวะโลหิตจาง แต่ถ้าใครพบเจออาการข้างต้น สามารถเข้าไปพบแพทย์เพื่อขอรับการวินิจฉัยและวางแผนการรักษา รู้เร็วรักษาได้เร็ว เพื่อร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง ซื้อประกันชีวิต แบบไหนดี


ชมวีดีโอ คลิปสอนทำอาหาร เมนูข้าวยำ สุขล้น จากเชฟพฤกษ์ เชฟกระทะเหล็ก ประเทศไทย
คลิก
youtu.be/q93pv-iJDXg




5



การติดตั้งอ่างอาบน้ำในบ้านมีข้อดีหลายอย่าง เพื่อให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย จำเป็นต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนการติดตั้ง

การติดตั้งอ่างอาบน้ำแบบลอยในบ้านเป็นที่นิยมมากขึ้น นอกจากจะช่วยสร้างความสวยงาม ให้ห้องน้ำดูดีมีระดับได้แล้ว อ่างอาบน้ำยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย ทั้งช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้า ลดอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย และกระตุ้นให้โลหิตไหลเวียนได้ดีขึ้น

หากคุณสนใจติดตั้งอ่างในบ้านแล้วล่ะก็ จำเป็นต้องศึกษาและเตรียมความพร้อมให้ดี ทั้งด้านพื้นที่ อุปกรณ์ และงานระบบต่าง ๆ โดยวันนี้ TOTO มีเรื่องที่ต้องรู้ก่อนการติดตั้งอ่างอาบน้ำในบ้านมาฝากกัน เพื่อให้คุณได้อ่างอาบน้ำที่สวยงาม ปลอดภัย และใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมถึงไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดปัญหากวนใจตามมาในภายหลัง!



ข้อควรรู้สำหรับการติดตั้งอ่างอาบน้ำ
1. เช็คพื้นที่และระยะการติดตั้งตั้ง
เรื่องแรกที่ต้องรู้สำหรับการติดตั้งอ่างอาบน้ำ คือ พื้นที่สำหรับการวางอ่าง จำเป็นต้องวัดโดยละเอียด เพื่อให้คำนวณได้เหมาะสมว่าพื้นที่ห้องน้ำในบ้านคุณสามารถเลือกอ่างประเภทใดและขนาดใดได้บ้าง  และอาจคำนึงถึงสรีระ หรือ ส่วนสูงของผู้ใช้งานด้วย เพราะถ้าอ่างอาบน้ำเล็กเกินไปอาจจะทำให้อาบน้ำไม่สบายตัวได้

    อ่างอาบน้ำแบบฝังเคาน์เตอร์ เหมาะกับห้องน้ำขนาดไม่ใหญ่มาก แต่อาจติดตั้งค่อนข้างยาก เนื่องจากต้องมีการก่อเคาน์เตอร์สำหรับรองรับอ่างอาบน้ำ มักนิยมติดตั้งโดยให้เคาน์เตอร์และอ่างชิดไปกับผนังด้านใดด้านหนึ่ง ช่วยให้ห้องน้ำดูเป็นสัดส่วน ประหยัดพื้นที่มากขึ้น
    อ่างอาบน้ำแบบตั้งพื้น เหมาะกับห้องน้ำขนาดใหญ่ มีพื้นที่มาก เนื่องจากต้องเว้นระยะห่างระหว่างตัวอ่างกับกำแพง เมื่อความสวยงามและใช้งานได้สะดวก

2. ต้องมีโครงสร้างพื้นที่แข็งแรง
เมื่อทราบขนาดของอ่างอาบน้ำที่เหมาะสมกับพื้นที่ในห้องน้ำของคุณแล้ว เรื่องต่อมาที่จำเป็นต้องพิจารณา คือ การตรวจสอบโครงสร้างของพื้นในบริเวณที่จะติดตั้งอ่างอาบน้ำ ว่ามีความแข็งแรงเพียงพอต่อการรองรับน้ำหนักของอ่าง เมื่อใส่น้ำไว้เต็มแล้วหรือไม่ เพื่อให้ติดตั้งได้อย่างราบรื่น สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย เป็นระยะเวลาที่ยาวนาน และไม่เกิดปัญหาพื้นทรุด น้ำรั่ว หรือผลเสียอื่น ๆ ตามมาในภายหลัง โดยปัจจัยที่ควรคำนึงถึงคือ น้ำหนักของอ่างอาบน้ำ ซึ่งมักขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ในการผลิตอ่างอาบน้ำ ปริมาณน้ำ และน้ำหนักของผู้ใช้งาน นำมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจในการติดตั้ง


 
3. เตรียมเดินท่อน้ำร้อน-น้ำเย็น
อีกหนึ่งเรื่องสำคัญก่อนติดตั้งอ่างอาบน้ำในบ้าน คือ งานระบบท่อน้ำซึ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยให้คุณใช้งานอ่างอาบน้ำได้อย่างสมบูรณ์ หรือเรียกว่า ก๊อกน้ำสำหรับอ่างอาบน้ำ ด้วยการเตรียมท่อน้ำร้อนและน้ำเย็นไว้ให้พร้อม รวมถึงท่อน้ำทิ้งที่ใช้ระบายน้ำหลังจากการใช้งานเสร็จสิ้น โดยต้องพิจารณาประเภทของอ่างอาบน้ำที่เลือกใช้ด้วย เพื่อให้กำหนดบริเวณการติดตั้งงานระบบท่อน้ำได้เหมาะสม ทั้งนี้การเลือกประเภทอ่างน้ำอาบก็ยังต้องคำนึงถึงประเภทก๊อกอ่างอาบน้ำเช่นเดียวกัน

    อ่างอาบน้ำแบบฝังเคาน์เตอร์ เหมาะกับ ก๊อกอ่างอาบน้ำแบบฝังผนัง
    อ่างอาบน้ำแบบตั้งพื้น เหมาะกับ ก๊อกอ่างอาบน้ำแบบตั้งพื้น

 
4. ติดตั้งตามขั้นตอนอย่างละเอียด
โดยส่วนใหญ่แล้วการเลือกซื้ออ่างอาบน้ำที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน มักจะมีคู่มือแนะนำเพื่อให้ติดตั้งอ่างอาบน้ำได้อย่างถูกต้อง เนื่องจากอ่างอาบน้ำแต่ละประเภทหรือแต่ละรุ่นมีลักษณะที่แตกต่างกันไป โดยเฉพาะบางรุ่นมีเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวก หรือเพิ่มฟังก์ชันการใช้งานให้พิเศษขึ้นกว่าอ่างทั่วไป ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องศึกษาข้อมูลและขั้นตอนการติดตั้งอย่างละเอียด รวมถึงข้อห้าม ข้อควรระวังในการใช้ด้วย เพื่อให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล



5. เลือกติดตั้งโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ
สำหรับคนที่ต้องอ่างอาบน้ำไว้ในบ้าน ควรศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบ และหาช่างผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการติดตั้งอ่างอาบน้ำมาเป็นคนดำเนินการให้ เนื่องจากงานติดตั้งอ่างนี้เป็นงานเฉพาะทางที่ต้องอาศัยความละเอียดและความชำนาญเป็นอย่างมาก เพื่อให้คุณใช้งานได้อย่างปลอภัย และไม่เกิดข้อผิดพลาดใด ๆ ที่จะกลายเป็นปัญหาให้ตามแก้ในภายหลัง

การติดตั้งอ่างอาบน้ำจำเป็นต้องตรวจสอบ เช็คสภาพของสิ่งต่าง ๆ ในห้องน้ำ รวมถึงเตรียมอุปกรณ์สุขภัณฑ์และระบบการเดินน้ำ เพื่อให้การติดตั้งดำเนินไปอย่างเรียบร้อย พร้อมสำหรับการใช้งาน นอกจากการเตรียมตัวที่ดีแล้วยังต้องเลือกใช้อ่างอาบน้ำคุณดีภาพ ดีไซน์อย่างสวยงาม มาพร้อมกับเทคโนโลยีทันสมัย ซึ่งช่วยยกระดับห้องน้ำของคุณให้สวยงามควบคู่ไปกับการใช้งานที่สะดวก ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ



6



เจาะลึกวิธีติดตั้งสุขภัณฑ์อย่างถูกหลัก ทั้งการเตรียมระบบสุขาภิบาล ติดตั้งวาล์วเปิด-ปิดน้ำ ติดตั้งโถชักโครกและชุดอุปกรณ์ถังพักน้ำ ที่คนกำลังทำบ้านต้องรู้

ห้องน้ำ พื้นที่สำคัญที่ไม่ว่าบ้านไหนก็ต้องมี และ สุขภัณฑ์ห้องน้ำ ก็เป็นอุปกรณ์ในห้องน้ำที่ทุกบ้านขาดไม่ได้ สำหรับผู้ที่กำลังรีโนเวทบ้านหรือสร้างบ้านใหม่ ก่อนจะติดตั้งสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ จำเป็นจะต้องเตรียมตัวอย่างไร รวมถึงควรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีติดตั้งสุขภัณฑ์เบื้องต้นมากน้อยแค่ไหน บทความนี้สรุปมาให้อย่างครบถ้วนทุกประเด็น ติดตามกันได้เลย

การเตรียมตัวก่อนติดตั้งสุขภัณฑ์
ทุกคนคงทราบกันดีว่าการติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ในห้องน้ำนั้น ย่อมต้องให้ความสำคัญกับการเตรียมพื้นที่ให้พร้อมไม่แพ้พื้นที่อื่น ๆ ในบ้าน เพื่อให้การติดตั้งระบบน้ำและสุขภัณฑ์ทุกชิ้นถูกต้องตรงตามมาตรฐาน และมีความปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน ทั้งยังจะส่งผลต่อการใช้งานที่ยาวนาน โดยก่อนการติดตั้งอุปกรณ์ห้องน้ำทุกประเภท ต้องเตรียมตัวให้พร้อมด้วย 5 ขั้นตอนเหล่านี้



1. เตรียมงานโครงสร้างให้สมบูรณ์
อันดับแรก ไม่ว่าจะทำห้องน้ำใหม่หรือรีโนเวทห้องน้ำเดิม ต้องเริ่มจากงานโครงสร้างที่แข็งแรง วางแปลนให้ชัดเจนว่าห้องน้ำของคุณมีขนาดกี่ตารางเมตร สุขภัณฑ์แต่ละชิ้นจะติดตั้งไว้ที่ตำแหน่งใด และแบ่งโซนเปียกโซนแห้งให้ชัดเจน เพื่อความสะดวกและความปลอดภัยในการใช้งาน หรือหากคุณต้องการผนังกั้นหรือติดตั้งอ่างอาบน้ำ ก็สามารถวางแผนได้ตั้งแต่ขั้นตอนนี้เลย

2. เลือกกระเบื้องพื้นและผนัง
เมื่อโครงสร้างพร้อมแล้ว ลำดับถัดมาคือการเลือกกระเบื้องให้เหมาะกับการใช้งาน โดยกระเบื้องสำหรับปูพื้นห้องน้ำควรมีค่าการดูดซึมน้ำต่ำ และมีค่ากันลื่นหรือค่า R ขั้นต่ำอยู่ที่ R10 เพื่อป้องกันพื้นลื่นเกินไปจนก่อให้เกิดอุบัติเหตุ ส่วนกระเบื้องผนังก็สามารถเลือกที่สีสันและลวดลายเข้ากับกระเบื้องปูพื้นได้เลย
           
3. วาง 3 ระบบสำคัญให้ได้มาตรฐาน
นอกจากงานโครงสร้างแล้ว งานระบบก็ถือเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน สำหรับ 3 ระบบสำคัญที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษในการก่อสร้างห้องน้ำ ได้แก่

* ระบบระบายอากาศ: ห้องน้ำควรระบายอากาศได้ดี เพื่อลดปัญหาความอับชื้นและป้องกันการสะสมของเชื้อโรค โดยสามารถทำได้ทั้งการติดตั้งหน้าต่างและการติดตั้งพัดลมระบายอากาศโดยเฉพาะ

* ระบบประปา: ถือเป็นระบบที่สำคัญที่สุดในห้องน้ำ จึงควรติดตั้งให้ได้มาตรฐาน ทั้งปั๊มน้ำ ถังเก็บน้ำ ท่อน้ำดี ท่อระบายน้ำ และท่อน้ำทิ้ง ป้องกันปัญหาน้ำรั่วซึมหรือน้ำไม่ไหลตามมาในภายหลัง

* ระบบไฟฟ้า: อย่าลืมเตรียมระบบไฟฟ้าเอาไว้สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็น เช่น สุขภัณฑ์อัจฉริยะ เครื่องทำน้ำอุ่น ไดร์เป่าผม ติดตั้งเต้าปลั๊กไฟในโซนแห้ง เตรียมสายดินให้พร้อม รวมถึงหากเป็นปลั๊กที่อยู่บริเวณด้านล่างใกล้กับพื้นห้องน้ำ ควรติดตั้งให้สูงห่างจากพื้นอย่างน้อย 30 ซม. และควรมีฝาพลาสติกครอบปลั๊กไฟ ช่วยป้องกันน้ำกระเซ็นในขณะที่ทำความสะอาดห้องน้ำ เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน ห้องน้ำผู้สูงอายุ


         
4. เลือกสุขภัณฑ์ที่ตอบโจทย์
ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการเลือกสุขภัณฑ์ มีอยู่หลากหลายข้อ ไม่ว่าจะเป็นประเภทของสุขภัณฑ์ ขนาด สี ระบบชำระล้าง และดีไซน์ เบื้องต้นแนะนำให้เลือกขนาดที่เหมาะสมกับพื้นที่ห้องน้ำ ความสูงเหมาะกับผู้ใช้งาน สีและดีไซน์เข้ากับกระเบื้อง รวมถึงคอนเซปต์โดยรวมของบ้านด้วย หรือหากเป็นผู้ที่ชื่นชอบเทคโนโลยี นวัตกรรมล้ำสมัย ในด้านสุขอนามัยและช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานห้องน้ำ สามารถเลือกใช้เป็นสุขภัณฑ์อัตโนมัติ หรือสุขภัณฑ์ที่มาพร้อมฝารองนั่งอัตโนมัติ ก็จะช่วยให้คุณมีสุขภาวะที่ดีมากยิ่งขึ้น

5. ใช้บริการช่างก่อสร้างและผู้รับเหมาที่น่าเชื่อถือ
อยากแน่ใจว่าห้องน้ำของคุณจะสวยงาม ใช้งานได้ตอบโจทย์ อย่าลืมเลือกใช้ช่างก่อสร้างและผู้รับเหมาที่มีความสามารถ เชี่ยวชาญด้านการก่อสร้าง วางระบบ และติดตั้งอุปกรณ์สุขภัณฑ์ อย่างแท้จริง เพียงเท่านี้ ขั้นตอนการเตรียมตัวติดตั้งระบบสุขภัณฑ์ของคุณก็จะสมบูรณ์แบบแล้ว


7
พูดคุยเรื่องทั่วไป / ตรวจสุขภาพประจำปี จำเป็นอย่างไร
« เมื่อ: วันที่ 4 พฤศจิกายน 2024, 17:21:40 น. »
ตรวจสุขภาพประจำปี จำเป็นอย่างไร


หลายคนมักละเลยการตรวจสุขภาพประจำปีเพราะรู้สึกว่าไม่สำคัญ เพราะส่วนใหญ่มักจะรอให้เจ็บหรือป่วยแล้วค่อยมาโรงพยาบาล ซึ่งเมื่อถึงวันนั้นมักพบอีกทีเมื่อมีอาการหนัก หรือเรื้อรัง ซึ่งยากต่อการรักษาไปเสียแล้ว นั่นเป็นเพราะว่าเราไม่ได้ให้ความสำคัญกับการตรวจสุขภาพร่างกายนั่นเอง

ข้อดีของการตรวจสุขภาพประจำปี
 
หนึ่งในขั้นตอนที่ทำสำคัญที่สุดของการซื้อประกันสุขภาพ คือ การเลือกประเภทของประกันชีวิต ซึ่งปัจจุบันประกันชีวิตมีหลากหลายประเภท ทั้งด้านความคุ้มครองและเงื่อนไขที่แตกต่างกัน เราจึงควรเลือกประเภทประกันชีวิตที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ และรายได้หลักของเรา โดยประกันชีวิตนั้นแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
 
1. ป้องกันหรือค้นหาโรคและภาวะผิดปกติในร่างกาย
เพราะบางโรคเราสามารถตรวจพบได้ตั้งแต่ยังไม่มีอาการ การที่เราตรวจเจอจะทำให้เราได้รับการรักษาที่เหมาะสม และหาทางป้องกันไม่ให้โรคนั้นลุกลามหรือไปถึงขั้นที่รุนแรงได้ หรือแม้จะไม่ได้ตรวจพบว่าเป็นโรคอะไร แต่มีภาวะเสี่ยงที่จะเกิดโรคนั้นๆ เราก็สามารถหาวิธีป้องกันหรือลดปัจจัยที่จะทำให้เกิดได้อีกด้วย

2. จุดเริ่มต้นการต่อสู้กับโรคร้ายที่ดีที่สุด
หลายคนไม่ตรวจสุขภาพประจำปีเพราะกลัวการตรวจเจอโรคต่างๆ ซึ่งความจริงนั้นการตรวจเจอโรคร้ายต่างๆ นั้นยิ่งเร็วยิ่งดี เพราะจะช่วยให้เราวางแผนการรักษาที่เหมาะสมได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ทั้งยังช่วยให้เราวางแผนในการดูแลตนเองได้อย่างถูกต้องเหมาะสมด้วย ทำประกันมะเร็ง

3. ลดอัตราการป่วย และเสียชีวิต
อีกข้อดีของการตรวจสุขภาพประจำปี คือการที่เราจะทราบสภาวะปัจจุบันของร่างกายได้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อนำไปสู่การดูแลสุขภาพที่เหมาะสม ทำให้ช่วยลดอัตราการเจ็บป่วย และเสียชีวิตได้นั่นเอง



ควรเริ่มตรวจสุขภาพประจำปีตอนอายุเท่าไหร่?
โดยปกติแล้วการตรวจสุขภาพประจำปีควรเริ่มตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป แต่ถ้ามีอาการที่ผิดปกติหรือน่าสงสัยก็สามารถเข้ารับการตรวจก่อนอายุ 20 ปี โดยในแต่ละช่วงอายุนั้นก็จะมีสิ่งที่ควรตรวจแตกต่างกันไป เช่น
ผู้หญิงที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป และเคยมีเพศสัมพันธ์ควรเข้ารับการตรวจมะเร็งปากมดลูก
ผู้ชายที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปควรตรวจมะเร็งต่อมลูกหมากปีละ 1 ครั้ง
ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปควรตรวจการติดเชื้อทางเดินอาหาร และตรวจช่องท้องเพื่อหาความผิดปกติของถุงน้ำดี ตับ และไต
ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปต้องตรวจสมรรถภาพการทำงานของหัวใจ และความแข็งแรงของกระดูก เป็นต้น



การมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและไร้โรคภัยนั้นถือเป็นอีกข้อที่สำคัญในชีวิต ซึ่งนอกจากการตรวจสุขภาพประจำปีที่จะช่วยให้เราวางแผนและดูแลเรื่องสุขภาพได้แล้วนั้น การทำประกันสุขภาพ ก็เป็นอีกตัวช่วยที่น่าสนใจเพราะเป็นอีกตัวช่วยที่ทำให้เราสามารถอุ่นใจได้แม้ในวันที่เจ็บป่วย เพราะมีความคุ้มครองที่ทั้งคุ้มค่าและครอบคลุม นอกจากนี้เบี้ยประกันชีวิต ลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย การดูแลสุขภาพและวางแผนการดูแลสุขภาพที่ถูกต้องเหมาะสมจึงสำคัญ เพราะเราไม่อาจรู้เลยว่าร่างกายที่อยู่กับเราทุกวันนั้นจะสมบูรณ์แข็งแรงได้แบบนี้ไปได้ถึงเมื่อไร

8
พูดคุยเรื่องทั่วไป / วิธีเลือกก๊อกน้ำระบบเซ็นเซอร์
« เมื่อ: วันที่ 1 พฤศจิกายน 2024, 16:59:17 น. »
รูปแบบของก๊อกน้ำฝักบัว วัสดุที่นิยมใช้ทำก๊อกน้ำ คือ สแตนเลสเนื่องจากมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และปลอดภัยจากสารตกค้างประเภทโลหะหนัก ซึ่งก๊อกน้ำฝักบัวมีทั้งหมด 2 ประเภท สามารถเลือกให้เหมาะกับการใช้งาน ได้แก่
ก๊อกเดี่ยว คือ ก๊อกน้ำที่สามารถเปิดใช้น้ำเย็นได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ก๊อกผสม คือ ก๊อกน้ำที่สามารถเปิดใช้ได้ทั้งน้ำร้อนและน้ำเย็น โดยมีทั้งแบบก้านโยกซ้าย - ขวาซึ่งมีสัญลักษณ์บอกน้ำร้อนและน้ำเย็นอยู่ที่ตัวก๊อก และก๊อกที่แยกจุดเปิดน้ำร้อนและน้ำเย็นเป็นสองฝั่งเพื่อปรับระดับความร้อน – เย็นตามความต้องการ ซึ่งการติดตั้งมีอยู่ด้วยกันหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นก๊อกที่ติดตั้งอยู่บนเคาน์เตอร์, ก๊อกที่ติดตั้งอยู่กับเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า และก๊อกที่ติดตั้งออกจากผนัง



นวัตกรรมก๊อกน้ำฝักบัวที่ใช้งานง่าย สะดวกสบาย และทนทาน
ด้วยไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบันที่นิยมใช้ก๊อกน้ำและก๊อกน้ำฝักบัวแบบผสมคือสามารถใช้ได้ทั้งน้ำร้อน และน้ำเย็น TOTO จึงได้พัฒนานวัตกรรม COMFORT GLIDE โดยปรับปรุงและพัฒนาแผ่นเซรามิกที่อยู่ในวาล์ว ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญภายในก๊อกอ่างล้างหน้าที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย ควบคุมการปล่อยน้ำได้ง่ายดายกว่าเดิมแค่ขยับก้านโยกเพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ก๊อกน้ำที่มาพร้อมระบบ COMFORT GLIDE ยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า และมีความเสถียรของแรงในการขยับก้านโยกต่อครั้งได้ดีกว่าก๊อกน้ำทั่ว ๆ ไปอีกด้วย


รูปแบบการติดตั้งก๊อกน้ำฝักบัวตามการใช้งาน
นอกจากรูปแบบก๊อกน้ำและฝักบัวที่เหมาะกับการใช้งานแล้ว รูปแบบการติดตั้งก๊อกน้ำตามการใช้งานก็เป็นอีกปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง เนื่องจากต้องเลือกการติดตั้งให้เหมาะสมกับแบบห้องน้ำ โดยรูปแบบการติดตั้งก๊อกมีทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่

1. ก๊อกน้ำและฝักบัวแบบฝังผนัง
เหมาะสำหรับก๊อกอ่างล้างหน้า อ่างล้างหน้า และฝักบัว เนื่องจากผู้ใช้งานสามารถเลือกตำแหน่งที่ต้องการติดตั้งได้ เหมาะสำหรับห้องน้ำที่มีพื้นที่ขนาดเล็ก เพราะช่วยประหยัดพื้นที่ในการติดตั้งฝักบัวในห้องน้ำ และยังเลือกติดตั้งคู่กับสุขภัณฑ์อื่น ๆ ได้ตามความต้องการ

2. ก๊อกน้ำและฝักบัวแบบตั้งพื้น
เหมาะสำหรับการใช้งานกับอ่างอาบน้ำ มีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ เหมาะกับห้องน้ำที่ต้องการเน้นเรื่องดีไซน์ในการออกแบบ สำหรับก๊อกน้ำแบบตั้งพื้นจาก TOTO ถูกออกแบบให้เลือกจับคู่กับอ่างอาบน้ำแบบต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว เหมาะกับการตกแต่งทุกสไตล์

3. ก๊อกน้ำแบบตั้งเคาน์เตอร์
เหมาะกับการเป็นก๊อกอ่างล้างหน้า ทั้งอ่างล้างหน้าแบบวาง หรืออ่างล้างหน้าฝังบนเคาน์เตอร์ที่มีช่องสำหรับติดตั้งก๊อกน้ำ ข้อดีคือสามารถบำรุงรักษาได้สะดวก



วิธีเลือกก๊อกน้ำระบบเซ็นเซอร์
ปัจจุบันก๊อกน้ำระบบเซ็นเซอร์ หรือ สุขภัณฑ์อัตโนมัติ นั้นได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากสะดวกสบาย และช่วยหลีกเลี่ยงการสัมผัสเชื้อโรคได้ดีกว่าก๊อกซิงค์ปกติที่เราต้องเอามือไปสัมผัสเพื่อเปิด - ปิดก๊อกน้ำ โดยวิธีการเลือกก๊อกเซ็นเซอร์มี 4 วิธีหลัก ๆ ได้แก่

1. สำรวจระบบน้ำและไฟฟ้าสำหรับติดตั้งก๊อกน้ำ
ก่อนเลือกซื้อก๊อกน้ำระบบเซ็นเซอร์ควรสำรวจระบบไฟฟ้าและระบบประปาภายในบ้านเสียก่อน เนื่องจากก๊อกแต่ละรุ่นนั้นมีเงื่อนไขการติดตั้งที่แตกต่างกันซึ่งอาจส่งผลต่อการใช้งานอีกด้วย

2. รูปแบบการติดตั้งก๊อก
โดยปกติก๊อกระบบเซ็นเซอร์นั้นมีทั้งแบบใช้ไฟฟ้าในบ้านและใช้แบตเตอรี่ในตัว แต่ด้วยนวัตกรรม SELF POWER จาก TOTO ที่ได้พัฒนาก๊อกระบบเซ็นเซอร์ที่ไม่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้า แต่ใช้พลังงานจากการไหลของน้ำทำหน้าที่ชาร์จแบตเตอรี่ให้ตัวก๊อกทำงาน ซึ่งช่วยประหยัดพลังงาน และลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา

3. เลือกจากดีไซน์และการตกแต่งห้องน้ำ
การเลือกซื้อก๊อกน้ำระบบเซ็นเซอร์ถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง จึงควรเลือกดีไซน์ก๊อกที่ถูกใจและเข้ากับสไตล์ห้องน้ำที่สุดเพื่อให้คุ้มค่ากับการลงทุน และอย่าลืมทดลองใช้ก๊อกเพื่อเช็กประสิทธิภาพว่าใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพหรือไม่

4. ฟังก์ชันการใช้งานของก๊อกเซ็นเซอร์
สำหรับฟังก์ชันของก๊อกเซ็นเซอร์คุณภาพดีที่ควรพิจารณา คือ ก๊อกที่ใช้ควรจะปล่อยน้ำออกมาทันทีเมื่อยื่นมือเข้าไปใกล้ระยะ และปิดน้ำทันทีเมื่อนำมือออกจากระยะเซ็นเซอร์ นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานเปลี่ยนอุณหภูมิร้อน - เย็นได้โดยไม่ต้องสัมผัสกับก๊อกน้ำอีกด้วย



9


ทำประกันทั้งทีถ้าสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ด้วย ก็เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เพราะได้ทั้งความคุ้มครอง และยังช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้ไม่น้อย โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่หลายๆ คนคงกำลังจัดระเบียบการใช้จ่ายของตัวเองและเตรียมเอกสารต่างๆ สำหรับเทศกาลลดหย่อนภาษีปลายปีที่ใกล้เข้ามา แต่หากคุณยังไม่แน่ใจว่าจะต้องซื้อประกันประเภทไหนที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ มีเงื่อนไขเพิ่มเติมอะไรอีกหรือไม่ และจะสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดเท่าไหร่ วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาไว้ให้แล้ว

ประเภทของประกันลดหย่อนภาษีได้
1.ประกันชีวิต ประกันชีวิตทั่วไป ลดหย่อนภาษีได้

ประกันที่เน้นให้ความคุ้มครองแก่ผู้ทำประกัน ในกรณีที่เสียชีวิตจากเหตุไม่คาดคิดก็จะได้รับเงินชดเชยตามวงเงินคุ้มครอง มีหลายรูปแบบ เช่น ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ
- ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา
- ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ และ ประกันชีวิตควบการลงทุน

โดยสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด
100,000 บาทตามจำนวนที่จ่ายจริง หรือหากจะนับรวมเงินฝากแบบมีประกันด้วยก็ต้องไม่เกิน
100,000 บาท และใครที่มีคู่สมรสที่ไม่มีรายได้ ซึ่งไม่ได้เพิ่งสมรสภายในปีนี้ ก็สามารถนำเบี้ยประกันมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท เช่นเดียวกัน

เงื่อนไขการนำประกันชีวิตทั่วไปมาลดหย่อนภาษี
- ต้องเป็นกรมธรรม์ที่มีระยะคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
- จัดทำกับบริษัทประกันในประเทศไทย
- หากมีการจ่ายเงินปันผลหรือเงินชดเชย จะต้องไม่เกิน 20% ของเบี้ยประกันชีวิตรายปี
- ต้องแจ้งต่อบริษัทว่าต้องการนำไปลดหย่อนภาษี



ประกันชีวิตแบบบำนาญ ประกันลดหย่อนภาษีได้
ประกันที่ให้ความคุ้มครองรายได้หลังเกษียณ จะเน้นที่ผลตอบแทนเป็นหลัก เพื่อเป็นหลักประกันรายได้ในยามที่คุณเลิกประกอบอาชีพแล้วนั่นเอง
โดยประกันในรูปแบบนี้จะสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
15% ของรายได้ (เงินได้ที่ต้องเสียภาษี) สูงสุดไม่เกิน
20,000 บาท หรืออาจลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน
300,000 บาท เมื่อยังไม่ได้ใช้สิทธิลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิตทั่วไป และเมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
- RMF, กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน
- กบข. และ กองทุนการออมแห่งชาติ จะต้องไม่เกิน 500,000 บาท

นั่นหมายความว่าหากคุณยังใช้สิทธิลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิตทั่วไป ไม่ถึงเพดานสูงสุด 100,000 บาท คุณสามารถนำเบี้ยประกันบำนาญบางส่วนไปหักลบจนครบ 100,000 บาท ก่อนจะนำมาคำนวณหักลบกับ 15% ของรายได้ เป็นส่วนที่สอง

เงื่อนไขการลดหย่อนภาษีของประกันชีวิตแบบบำนาญคือ
- ต้องเป็นกรมธรรม์ที่มีระยะคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
- จัดทำกับบริษัทประกันในประเทศไทย
- จ่ายผลประโยชน์เป็นงวดจำนวนเงินเท่ากัน หรือในสัดส่วนที่มากขึ้น เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ
- ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันครบถ้วนก่อนที่จะได้รับผลประโยชน์
- กำหนดช่วงอายุการจ่ายผลประโยชน์ตั้งแต่ 55 - 85 ปี
- ต้องแจ้งต่อบริษัทว่าต้องการนำไปลดหย่อนภาษี



2.ประกันสุขภาพ ประกันสุขภาพตนเอง ลดหย่อนภาษีได้

รูปแบบประกันที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ คือประกันที่คุ้มครองอาการบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุ มีการชดเชยการทุพพลภาพและการสูญเสียอวัยวะเนื่องจากการเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ
- ประกันอุบัติเหตุเฉพาะ ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล การทุพพลภาพ การสูญเสียอวัยวะและการแตกหักของกระดูก
- ประกันโรคร้ายแรง และ ประกันการดูแลระยะยาว
โดยสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท เมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตทั่วไป และเงินฝากแบบมีประกันชีวิตต้องไม่เกิน 100,000 บาท

เงื่อนไขการลดหย่อนภาษีของประกันสุขภาพตนเองคือ
- จัดทำกับบริษัทประกันในประเทศไทย
- ต้องแจ้งต่อบริษัทว่าต้องการนำไปลดหย่อนภาษี

ซื้อประกันให้พ่อแม่ ลดหย่อนภาษีได้
ในกรณีที่คุณจ่ายเบี้ยประกันให้กับพ่อแม่ สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน
15,000 บาท ในกรณีที่คู่สมรสไม่มีเงินได้ สามารถนำเบี้ยประกันชีวิต ลดหย่อนภาษีของพ่อแม่ของคู่สมรสมาลดหย่อนในจำนวนสูงสุดไม่เกิน
15,000 บาท ได้เช่นกัน หรือหากมีการร่วมกันจ่ายกับพี่น้อง ก็สามารถนำมาหารเฉลี่ยตามจำนวนพี่น้องได้เช่นกัน

เงื่อนไขการลดหย่อนภาษีของประกันสุขภาพของพ่อแม่คือ
- ต้องมีความสัมพันธ์เป็นลูกแท้ๆ ที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น
- ในกรณีลูกบุญธรรมจะไม่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้
- พ่อแม่มีรายได้ต่อปีภาษีไม่เกิน 30,000 บาท
- ตัวผู้ลดหย่อนหรือพ่อแม่ต้องอยู่ในประเทศไทยครบ 180 วันภายในปีภาษี

การมีประกันชีวิตที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้จะช่วยให้คุณสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายลงได้ไม่น้อยเลย โดยเฉพาะกับมนุษย์เงินเดือนและผู้ที่มีรายได้ประจำ ก็ควรมองหาตัวเลือกที่สามารถทำให้คุณมีทั้งความคุ้มครองด้านสุขภาพ และสิทธิในการลดหย่อนภาษี




10


5  วิธีแก้อ่างล้างหน้าตันด้วยตนเอง โดยใช้ของใช้ที่มีอยู่แล้วภายในบ้าน ไม่จำเป็นต้องเรียกช่างมาซ่อมแซม และไม่ต้องเสียค่าอุปกรณ์เพิ่มเติมอีกด้วย
ปัญหา อ่างล้างหน้าตัน เป็นปัญหาใหญ่ของหลาย ๆ บ้าน ซึ่งมักเกิดขึ้นเมื่อใช้ไปได้ระยะหนึ่ง โดยสาเหตุของการตันมักเกิดจากเศษสิ่งสกปรก เศษผม และคราบไขมันต่าง ๆ ลงไปอุดตันภายในท่อ ทำให้น้ำไหลลงท่อระบายน้ำทิ้งไม่ได้ ส่งผลให้เกิดปัญหาความสกปรกและกลิ่นไม่พึงประสงค์ภายในห้องน้ำตามมา วันนี้ TOTO จึงมี 5 วิธีแก้อ่างล้างหน้าตันด้วยตัวเองโดยไม่ต้องเรียกช่างมาฝากกัน

1.ไม้แขวนเสื้อช่วยได้
ไม้แขวนเสื้อเป็นสิ่งของอย่างแรก ๆ ที่คุณควรนึกถึงเมื่อเกิดปัญหาอ่างล้างหน้าตัน โดยนำไม้แขวนเสื้อมาดัดให้เป็นเส้นตรงแล้วงอปลายขึ้นเล็กน้อย เพื่อใช้เป็นตะขอเกี่ยว แล้วใช้ส่วนงอหย่อนลงไปเพื่อเกี่ยวเศษขยะ เส้นผม สิ่งอุดตันต่าง ๆ ขึ้นมา วิธีนี้จึงเหมาะกับปัญหาที่ยังไม่รุนแรงมากนัก หรือแบบที่ยังมองเห็นเศษสิ่งสกปรกได้อยู่

2. ปั๊มลมยาง
ปั๊มลมยางเป็นอุปกรณ์แก้ปัญหาอุดตันในห้องน้ำที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดี นอกจากใช้กับโถสุขภัณฑ์แล้ว ก็ยังใช้กับท่อระบายน้ำ และอ่างล้างหน้าตันได้อีกด้วย โดยเริ่มจากเติมน้ำลงไปประมาณครึ่งหนึ่งแล้วใช่ปั๊มยางครอบที่รูระบายน้ำ ปั๊มขึ้น-ลงเร็ว ๆ ประมาณ 10 ครั้ง แล้วยกขึ้นจากน้ำทันที น้ำที่อุดตันอยู่จะไหลลงท่อได้สะดวกยิ่งขึ้น หากน้ำยังไม่ไหลลงท่อให้ทำซ้ำอีกประมาณ 2-3 ครั้ง


3. ขวดน้ำพลาสติก
หากพบปัญหาอ่างล้างหน้าตัน ขวดน้ำพลาสติกขนาด 750 มล. ขึ้นไป เป็นวิธีแก้อุดตันด้วยตัวเองที่ใช้อุปกรณ์เพียงแค่อย่างเดียว โดยเปิดน้ำให้เต็ม แล้วเติมน้ำให้เต็มขวด จากนั้นเปิดฝาขวดน้ำแล้วคว่ำขวดให้ปากขวดอยู่บริเวณปากตะแกรงของท่อระบายน้ำ แล้วจึงบีบขวดน้ำเพื่อให้แรงดันน้ำในขวดลงไปยังท่อระบายน้ำ ช่วยให้เศษสิ่งสกปรกที่ติดค้างอยู่หลุดออกไปและช่วยให้น้ำไหลลงท่อได้สะดวกขึ้นนั่นเอง

4. เบกกิ้งโซดา และน้ำส้มสายชู
เมื่อพูดถึงปัญหาในห้องน้ำแล้วจะไม่นึกถึงเบกกิ้งโซดา และน้ำส้มสายชูก็คงจะไม่ได้ เนื่องจากเป็นตัวช่วยแก้ปัญหาสำคัญที่ทุกครัวเรือนมักใช้กัน ไม่ว่าจะใช้ทำความสะอาด หรือแก้ปัญหาอ่างล้างหน้าตันก็ได้เช่นกัน โดยใส่เบกกิ้งโซดาครึ่งถ้วยตวง แล้วเทน้ำส้มสายชูอีกครึ่งถ้วยตวงลงในท่อระบายน้ำแล้วทิ้งไว้สักพักหนึ่งจึงเทน้ำร้อนลงไปละลายไขมันที่อุดตันอยู่ในท่อ เป็นอีกวิธีแก้ด้วยตัวเองได้ดีเลยทีเดียว

5. ทำความสะอาดท่อน้ำ
หากปัญหาอ่างล้างหน้าตันที่เกิดจากการสิ่งสกปรก เช่น เส้นผม อุดตัน เป็นจำนวนมาก ควรแก้ไขด้วยการถอดท่อออกมาล้างทำความสะอาด โดยปิดวาล์วน้ำแล้วคลายเกลียวที่สะดือ ซึ่งเชื่อมต่อกับท่อน้ำทิ้ง จากนั้นจึงนำท่อมาล้างทำความสะอาดเพื่อกำจัดเศษสิ่งสกปรกต่าง ๆ แล้วนำกลับไปติดตั้งดังเดิม โดยอย่าลืมเปิดน้ำตรวจดูว่ามีน้ำรั่วซึมหรือไม่


อ่างล้างหน้าตัน เป็นปัญหาที่แก้ไขได้ง่าย ๆ ด้วย 5 วิธีแก้ด้วยตัวเอง โดยใช้อุปกรณ์ที่หาได้ภายในบ้าน ไม่ต้องเรียกช่างมาซ่อมแซมหรือใช้อุปกรณ์แบบมืออาชีพ นอกจากจะทำได้ง่ายแล้วก็ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย

สำหรับผู้ที่มองหาอุปกรณ์อ่างล้างหน้าคุณภาพสูง ไม่ว่าจะเป็นตัว ก๊อกน้ำ และ สะดืออ่างล้างหน้า TOTO ก็มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกหลายแบบ โดยมีดีไซน์สวยงามทันสมัย ใช้งานได้สะดวก อีกทั้งยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความสะอาดอีกด้วย

หน้า: [1]